นิติกรรมสัญญาอะไรบ้างที่ต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจึงจะใช้บังคับได้ตามกฎหมาย

นิติกรรมสัญญาใดบ้างที่ต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ต้องรับผิดตามกฎหมายจึงจะสมบูรณ์

มีดังต่อไปนี้ ( ซึ่งนอกเหนือจากที่กฏหมายกำหนดไว้สัญญาหรือนิติกรรมกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้แล้วการไม่ทำเป็นหนังสือก็สามารถฟ้องร้องบังคับคดีนำสืบพยานบุคคลหรือหลักฐานอื่นๆได้ ไม่ต้องมีหนังสือสัญญาเสมอไป เช่น สัญญาจ้างทำของ เป็นต้น )

1.กู้ยืมเงินเกินกว่า 2,000 บาทขึ้นไป (ป.พ.พ. มาตรา 653)

มาตรา 653 การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

วรรคสอง ในการกู้ยืมเงินมีหลักฐานเป็นหนังสือนั้น ท่านว่าจะนำสืบการใช้เงินได้ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงหรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้ว หรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้ว

 

2.การเช่าอสังหาริมทรัพย์  ที่เช่ากันไม่เกิน 3 ปี แต่ถ้าเช่ามีกำหนดกว่าสามปีขึ้นไปต้องจดทะเบียนด้วย (ตามป.พ.พ. มาตรา 538)

  มาตรา 538  เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ถ้าเช่ามีกำหนดกว่าสามปีขึ้นไป หรือกำหนดตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าไซร้ หากมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ท่านว่าการเช่านั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้แต่เพียงสามปี


3.การค้ำประกัน  ตาม ป.พ.พ. มาตรา 680 วรรค สอง

มาตรา 680 วรรคสอง อนึ่ง สัญญาค้ำประกันนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่


4.การทำสัญญาจำนองทรัพย์สิน ตามมาตรา มาตรา 714และบอกกล่าวบังคับจำนองตามมาตรา 728

มาตรา 714อันสัญญาจำนองนั้น ท่านว่าต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่

มาตรา 728 เมื่อจะบังคับจำนองนั้น ผู้รับจำนองต้องมีหนังสือบอกกล่าวไปยังลูกหนี้ก่อนว่าให้ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรซึ่งต้องไม่น้อยกว่าหกสิบวันนับแต่วันที่ลูกหนี้ได้รับคำบอกกล่าวนั้น ถ้าและลูกหนี้ละเลยเสียไม่ปฏิบัติตามคำบอกกล่าว ผู้รับจำนองจะฟ้องคดีต่อศาลเพื่อให้พิพากษาสั่งให้ยึดทรัพย์สินซึ่งจำนองและให้ขายทอดตลาดก็ได้


5.การทำสัญญาจะซื้อจะขาย อสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ  ตามป.พ.พ. มาตรา 456 วรรค สอง

มาตรา 456  การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ วิธีนี้ให้ใช้ถึงซื้อขายเรือมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป ทั้งซื้อขายแพและสัตว์พาหนะด้วย

วรรคสอง สัญญาจะขายหรือจะซื้อ หรือคำมั่นในการซื้อขายทรัพย์สินตามที่ระบุไว้ในวรรคหนึ่ง ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ หรือได้วางประจำไว้ หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

วรรคสาม บทบัญญัติที่กล่าวมาในวรรคก่อนนี้ ให้ใช้บังคับถึงสัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์ซึ่งตกลงกันเป็นราคาสองหมื่นบาท หรือกว่านั้นขึ้นไปด้วย


5.การซื้อขายสังหาริมทรัพย์ราคาเกินกว่า ๒๐,๐๐ บาทหรือกว่านั้นขึ้นไป (ป.พ.พ. มาตรา ๔๕๖ วรรค ท้าย)

มาตรา456  การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ วิธีนี้ให้ใช้ถึงซื้อขายเรือมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป ทั้งซื้อขายแพและสัตว์พาหนะด้วย

วรรคสอง สัญญาจะขายหรือจะซื้อ หรือคำมั่นในการซื้อขายทรัพย์สินตามที่ระบุไว้ในวรรคหนึ่ง ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ หรือได้วางประจำไว้ หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

วรรคสาม บทบัญญัติที่กล่าวมาในวรรคก่อนนี้ ให้ใช้บังคับถึงสัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์ซึ่งตกลงกันเป็นราคาสองหมื่นบาท หรือกว่านั้นขึ้นไปด้วย


6.การทำสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน ตามป.พ.พ. มาตรา 572 วรรคสอง 

มาตรา 572  อันว่าเช่าซื้อนั้น คือสัญญาซึ่งเจ้าของเอาทรัพย์สินออกให้เช่า และให้คำมั่นว่าจะขายทรัพย์สินนั้นหรือว่าจะให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่า โดยเงื่อนไขที่ผู้เช่าได้ใช้เงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว

วรรคสอง สัญญาเช่าซื้อนั้นถ้าไม่ทำเป็นหนังสือ ท่านว่าเป็นโมฆะ


7.การตั้งตัวแทนเพื่อทำนิติกรรมซึ่งกฏหมายบังคับว่านิติกรรมนั้นต้องทำเป็นหนังสือเช่น การขายที่ดิน การตั้งตัวแทนเพื่อกิจการนั้นต้องทำเป็นหนังสือด้วย เช่น การทำหนังสือมอบอำนาจให้ไปจดทะเบียนขายที่ดิน (ป.พ.พ. มาตรา ๗๙๘วรรคแรก)

มาตรา ๗๙๘  กิจการอันใดท่านบังคับไว้โดยกฎหมายว่าต้องทำเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนเพื่อกิจการอันนั้นก็ต้องทำเป็นหนังสือด้วย

วรรคสอง กิจการอันใดท่านบังคับไว้ว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนเพื่อกิจการอันนั้นก็ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วย


8.การโอนหุ้นชนิดระบุชื่อลงในใบหุ้น (ป.พ.พ. มาตรา ๑๑๒๙ วรรค สอง)

มาตรา 1129 อันว่าหุ้นนั้นย่อมโอนกันได้โดยมิต้องได้รับความยินยอมของบริษัทเว้นแต่เมื่อเป็นหุ้นชนิดระบุชื่อลงในใบหุ้น ซึ่งมีข้อบังคับของบริษัทกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น

วรรคสอง การโอนหุ้นชนิดระบุชื่อลงในใบหุ้นนั้น  ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อของผู้โอนกับผู้รับโอน  มีพยานคนหนึ่งเป็นอย่างน้อยลงชื่อรับรองลายมือนั้น ๆ ด้วยแล้ว ท่านว่าเป็นโมฆะ อนึ่งตราสารอันนั้นต้องแถลงเลขหมายของหุ้นซึ่งโอนกันนั้นด้วย


9.การบอกกล่าวหรือความยินยอมในการโอนสิทธิเรียกร้องหรือหนี้อันจะพึงชำระให้แก่เจ้าหนี้คนหนึ่งคนใด ตามป.พ.พ. มาตรา 306 วรรค แรก

มาตรา ๓๐๖  การโอนหนี้อันจะพึงต้องชำระแก่เจ้าหนี้คนหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจงนั้น ถ้าไม่ทำเป็นหนังสือ ท่านว่าไม่สมบูรณ์ อนึ่งการโอนหนี้นั้นท่านว่าจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกได้แต่เมื่อได้บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้หรือลูกหนี้จะได้ยินยอมด้วยในการโอนนั้น คำบอกกล่าวหรือความยินยอมเช่นว่านี้ท่านว่าต้องทำเป็นหนังสือ


10.การทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 851

มาตรา 851  บัญยัติว่า อันสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด หรือลายมือชื่อตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่


11.การทำพินัยกรรมแบบมีพยานธรรมดา ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๖๕๖)

มาตรา 1656 พินัยกรรมนั้น จะทำตามแบบดังนี้ก็ได้ กล่าวคือต้องทำเป็นหนังสือลงวัน เดือน ปี ในขณะที่ทำขึ้น และผู้ทำพินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน ซึ่งพยานสองคนนั้นต้องลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะนั้น

วรรคสอง การขูดลบ ตก เติม หรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นซึ่งพินัยกรรมนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ เว้นแต่จะได้ปฏิบัติตามแบบอย่างเดียวกับการทำพินัยกรรมตามมาตรานี้


12.การทำพินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ ตามป.พ.พ. มาตรา ๑๖๕๗

มาตรา 1657 พินัยกรรมนั้น จะทำเป็นเอกสารเขียนเองทั้งฉบับก็ได้ กล่าวคือผู้ทำพินัยกรรมต้องเขียนด้วยมือตนเองซึ่งข้อความทั้งหมด วัน เดือน ปี และลายมือชื่อของตน

วรรคสอง การขูดลบ ตก เติม หรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นซึ่งพินัยกรรมนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ เว้นแต่ผู้ทำพินัยกรรมจะได้ทำด้วยมือตนเอง และลงลายมือชื่อกำกับไว้

วรรคสาม บทบัญญัติมาตรา ๙ แห่งประมวลกฎหมายนี้ มิให้ใช้บังคับแก่พินัยกรรมที่ทำขึ้นตามมาตรานี้


13.การปลดหนี้ ป.พ.พ. มาตรา 340วรรค สอง

ตามมาตรา 340 แห่ง ป.พ.พ. “ถ้าเจ้าหนี้แสดงเจตนาต่อลูกหนี้ว่าจะปลดหนี้ให้ ท่านว่าหนี้นั้นก็เป็นอันระงับสิ้นไป ถ้าหนี้มีหนังสือเป็นหลักฐาน การปลดหนี้ก็ต้องทำเป็นหนังสือด้วย หรือต้องเวนคืนเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งหนี้ให้แก่ลูกหนี้ หรือขีดฆ่าเอกสารนั้นเสีย”


14.การแปลงหนี้ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๓๔๙วรรคแรก และแปลงหนี้ด้วยการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ ป.พ.พ. มาตรา ๓๔๙วรรคท้าย,๓๐๖

าตรา 349 เมื่อคู่กรณีที่เกี่ยวข้องได้ทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ไซร้ ท่านว่าหนี้นั้นเป็นอันระงับสิ้นไปด้วยแปลงหนี้ใหม่

ถ้าทำหนี้มีเงื่อนไขให้กลายเป็นหนี้ปราศจากเงื่อนไขก็ดี เพิ่มเติมเงื่อนไขเข้าในหนี้อันปราศจากเงื่อนไขก็ดี เปลี่ยนเงื่อนไขก็ดี ท่านถือว่าเป็นอันเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้นั้น

วรรคสอง ถ้าแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ ท่านให้บังคับด้วยบทบัญญัติทั้งหลายแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยโอนสิทธิเรียกร้อง


15.การแปลงหนี้ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ ตาม  ป.พ.พ. มาตรา ๓๕๐

มาตรา 350  บัญญัติว่า แปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้นั้น จะทำเป็นสัญญาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้คนใหม่ก็ได้ แต่จะทำโดยขืนใจลูกหนี้เดิมหาได้ไม่


16.การคิดดอกเบี้ยทบต้นและตกลงให้เอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระทบเข้ากับต้นเงิน (ป.พ.พ. มาตรา ๖๕๕ วรรค แรก)

มาตรา 655ท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยในดอกเบี้ยที่ค้างชำระ แต่ทว่าเมื่อดอกเบี้ยค้างชำระไม่น้อยกว่าปีหนึ่ง คู่สัญญากู้ยืมจะตกลงกันให้เอาดอกเบี้ยนั้นทบเข้ากับต้นเงินแล้วให้คิดดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ทบเข้ากันนั้นก็ได้ แต่การตกลงเช่นนั้นต้องทำเป็นหนังสือ


17.การทำสัญญาก่อนสมรส ป.พ.พ. มาตรา ๑๔๖๕

มาตรา 1465 ถ้าสามีภริยามิได้ทำสัญญากันไว้ในเรื่องทรัพย์สินเป็นพิเศษก่อนสมรส ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาในเรื่องทรัพย์สินนั้น ให้บังคับตามบทบัญญัติในหมวดนี้

วรรคสอง ถ้าข้อความใดในสัญญาก่อนสมรสขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือระบุให้ใช้กฎหมายประเทศอื่นบังคับเรื่องทรัพย์สินนั้น ข้อความนั้น ๆ เป็นโมฆะ


18.การทำนิติกรรมที่คู่สมรสกระทำซึ่งต้องได้รับความยินยอมร่วมกัน และการนั้นกฏหมายบัญญัีติให้ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน เช่น การขายที่ดินที่เป็นสินสมรส ความยินยอมนั้นต้องทำเป็นหนังสือ (ป.พ.พ. มาตรา ๑๔๗๙)

มาตรา 1479 การใดที่สามีหรือภริยากระทำ ซึ่งต้องรับความยินยอมร่วมกัน และถ้าการนั้นมีกฎหมายบัญญัติให้ทำเป็นหนังสือหรือให้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ความยินยอมนั้นต้องทำเป็นหนังสือ


19.การหย่าโดยความยินยอม (ป.พ.พ. มาตรา 1514 วรรค 2)

มาตรา 1514 การหย่านั้นจะทำได้แต่โดยความยินยอมของทั้งสองฝ่ายหรือโดยคำพิพากษาของศาล

วรรคสอง การหย่าโดยความยินยอมต้องทำเป็นหนังสือและมีพยานลงลายมือชื่ออย่างน้อยสองคน

๑๙. การหย่าโดยความยินยอม โดยสามีภริยาตกลงกันว่าจะให้ใครมีอำนาจปกครองบุตรให้สามีภริยาทำความตกลงเป็นหนังสือ ตามป.พ.พ. มาตรา 1520 วรรคแรก

มาตรา 1520 ในกรณีหย่าโดยความยินยอม ให้สามีภริยาทำความตกลงเป็นหนังสือว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ถ้ามิได้ตกลงกันหรือตกลงกันไม่ได้ ให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาด

วรรคสอง ในกรณีหย่าโดยคำพิพากษาของศาล ให้ศาลซึ่งพิจารณาคดีฟ้องหย่านั้นชี้ขาดด้วยว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ในการพิจารณาชี้ขาดถ้าศาลเห็นว่ามีเหตุที่จะถอนอำนาจปกครองของคู่สมรสนั้นได้ตามมาตรา 1582 ศาลจะถอนอำนาจปกครองของคู่สมรสและสั่งให้บุคคลภายนอกเป็นผู้ปกครองก็ได้  ทั้งนี้ ให้ศาลคำนึงถึงความผาสุกและประโยชน์ของบุตรนั้นเป็นสำคัญ


๒๐.การหย่าโดยความยินยอมและมีการกำหนดเงินว่าฝ่ายใดอุปการะเลี้ยงดูบุตรเป็นจำนวนเงินเท่าใด ตามป.พ.พ. มาตรา 1522วรรคแรก)

มาตรา 1522 ถ้าสามีภริยาหย่าโดยความยินยอม ให้ทำความตกลงกันไว้ในสัญญาหย่าว่าสามีภริยาทั้งสองฝ่าย หรือสามีหรือภริยาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะออกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเป็นจำนวนเงินเท่าใด

วรรคสอง ถ้าหย่าโดยคำพิพากษาของศาลหรือในกรณีที่สัญญาหย่ามิได้กำหนดเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรไว้ ให้ศาลเป็นผู้กำหนด

 

นอกจากนี้นยังมีเรื่อ การให้สิทธิ์อันมีตราสารนอกจากต้องส่งมอบตราสารให้แก่ผู้รับแล้ว ยังต้องมีหนังสือบอกกล่าวด้วย ตามป.พ.พ. มาตรา ๕๒๔ การทำสัญญาประกันภัย มาตรา ๘๖๗ .การออกตั๋วเงิน เช็คฯ  (ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๐, ๙๐๘,๙๐๙,๙๘๒,๙๘๓,๙๘๗,๙๘๘ การบังคับทรัพย์สินที่จำจำ มาตรา ๗๖

 

นายกอบเกียรติ เอี่ยมสงวน

ทนายความ ผู้เรียบเรียง

Visitors: 184,274