การพกอาวุธปืนต้องทำอย่างไรให้ถูกกฎหมาย

 

 การพกอาวุธปืนต้องทำอย่างไรให้ถูกกฎหมาย

 

พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ ห้ามมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เว้นแต่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ” และมีโทษตาม “มาตรา 72 ทวิ วรรคสอง ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือ ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าผู้นั้นฝ่าฝืนมาตรา 8 ทวิ วรรคสองด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปีและปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาท ถึงหนึ่งหมื่นบาท”

และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 บัญญัติว่า "ผู้ใดพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อการมัสการ การรื่นเริง หรือการอื่นใด ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท และให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบอาวุธนั้น"

 

       ซึ่งแม้ตามพ.ร.บ.อาวุธปืนและประมวลกฎหมายอาญา จะได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองว (เรียกว่าใบ ป. 4) แล้วก็ตามแต่ก็ไม่สามารถพกพาวุฒิปืนติดตัวไปได้ถ้าได้รับอนุญาตให้พกพา (ไม่มีใบป. 12)

       แต่มีข้อยกเว้นว่าถ้ามีเหตุจำเป็น และ เร่งด่วน   ซึ่งเหตุจำเป็นและเร่งด่วนมีลักษณะตัวอย่าง ในคดีความที่เคยเกิดขึ้นมีแนวคำชี้ขาดไม่ฟ้องคดีของอธิบดีกรมอัยการ(อัยการสูงสุด)เกี่ยวกับการพกพาอาวุธปืนที่ถือว่า มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วน และแนวการปฎิบัติของเจ้าพนักงานตำรวจในการตรวจค้นบุคคลที่พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะสถาน นั้นมีแนวทางสรุปได้ดังนี้คือ

1.ถ้าได้นำอาวุธปืนใส่กระเป๋าเก็บไว้ในช่องเก็บของท้ายรถเพื่อย้ายบ้านซึ่งไม่สามารถหยิบใช้ได้ในทันที

2.เอาอาวุธปืนใส่กระเป๋าใส่กุญแจแล้ววางไว้ในรถ (เจตนาเพื่อขนย้ายสิ่งของซึ่งไม่สามารถหยิบใช้ได้ในทันที

3.ไปเก็บเงินจำนวนมากจากลูกค้าต่างจังหวัดต่างจังหวัดนำติดตัวมาแล้วมีอาวุธปืนได้รับอนุญาตจากไทยทะเบียนแล้วใส่ช่องเก็บของหน้ารถยนต์เพื่อป้องกันตัวและทรัพย์สิน

4.ไปเก็บเงินจากลูกค้าต่างต่างจังหวัดนำอาวุธปืนติดตัวมาด้วยโดยแยกอาวุธปืนและเครื่องกระสุนออกจากการใส่กระเป๋าเอกสารไว้ที่พนักเบาะหลังรถยนต์

5. ห่ออาวุธปืนและซองกระสุนแยกออกคนละห่อเก็บไว้ด้านหลังรถยนต์ซึ่งใส่กุญแจ

 

โดยสรุปการพกพาอาวุธปืนที่จะไม่ถูกพนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาล และ  เจ้าพนักงานตำรวจในการตรวจค้นบุคคลที่พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะสถานสามารถใช้ดุลพินิจในการปฎิบัติได้  คือ ต้องมีลักษณะที่ปืนไม่สามารถนำมายิงได้ทันที คือไม่พร้อมใช้งาน   หรือและการเก็บอยู่ในลักษณะยากแก่การนำไปใช้งาน และต้องมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนด้วย เช่น ต้องไปถอนเงินจำนวนมาก  ไปรับเงินจากลูกค้าลูกค้าจำนวนมาก   ขนย้ายปืนเพราะย้ายบ้าน เป็นต้น

 

 ซึ่งที่กล่าวมานั้นคือการพกพาที่จะทำให้ท่านมีข้อต่อสู้คดีได้หากถูกจับกุมเท่านั้น   แต่การพกพาที้จะไม่ผิดกฎหมายใด ๆ เลยจะต้องมีใบอนุญาตให้บุคคลพกพาอาวุธปืนติดตัว ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2480 มาตรา 22 (1) ว่าด้วยการอนุญาตให้บุคคลที่มีอาวุธปืนอยู่แล้ว แต่มีความจ าเป็นที่จะต้องน าอาวุธพกพาติดตัวไป คือใบ ป 12 เท่านั้น

 

 ตัวอย่างคำพิพากษาฎีกา

 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5925/2540 ขณะถูกจับกุมจำเลยกำลังรอรับเงินตามเช็คจากธนาคารจำนวน 700,000 บาท ซึ่งเป็นการเบิกเงินสดจำนวนมาก ดังนั้น การที่จำเลยนำอาวุธปืนของกลางติดตัวไป ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำที่มีเหตุอันสมควรเพราะเป็นการกระทำเพื่อป้องกันทรัพย์สินอันมีค่าของตน อีกทั้งอาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืนของจำเลยซึ่งได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนให้มีไว้ในครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย และการพาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปของจำเลย ก็เป็นการใส่ไว้ในกระเป๋าถืออย่างมิดชิดอีกด้วย จึงถือได้ว่าเป็นการพาไปโดยมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ การที่จำเลยพาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปดังกล่าวจึงไม่มีความผิดต่อกฎหมาย

 .คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3945/2540 เจ้าพนักงานตำรวจได้ตรวจค้นและพบอาวุธปืนพร้อมกระสุนปืนของกลางในกระเป๋าเอกสารซึ่งปิดอยู่และวางอยู่ที่เบาะหลังรถยนต์ซึ่งจำเลยเป็นผู้ขับเมื่อปรากฎว่ากระเป๋าเอกสารที่อาวุธปืนของกลางบรรจุอยู่ภายในนั้นโดยสภาพมีกุญแจล็อกถึง 2 ด้านทั้งวางอยู่ที่เบาะด้านหลัง การจะหยิบฉวยอาวุธปืนมาใช้ทันทีทันใดนั้นย่อมเป็นได้ยาก ทั้งจำเลยมีเจตนาเพียงขนย้ายสิ่งของจึงมิอาจถือได้ว่าเป็นการพาติดตัว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2554 ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง บัญญัติห้ามมิให้พาอาวุธปืน เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาต หรือเป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ จากบทบัญญัติดังกล่าว การพาอาวุธปืนติดตัวไปได้ต้องได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงาน หากมิได้รับใบอนุญาตจะต้องเป็นกรณีมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ การที่จำเลยนำอาวุธปืนติดตัวไปในการประกอบธุรกิจของจำเลยเป็นปกติ ไม่ถือว่าเป็นกรณีที่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์แต่อย่างใด มิฉะนั้นเท่ากับว่าจำเลยสามารถพาอาวุธปืนไปได้ตลอดโดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงาน

 .คำพิพากษาฎีกาที่ 3027/2526 จำเลยเก็บปืนและเงิน 70,000 บาท ไว้ในลิ้นชักรถ เมื่อจำเลยนั่งรถไปด้วย ถือได้ว่าจำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไป และการที่จำเลยขับรถไปส่งผู้เสียหายกับพวกแล้วพากันไปนั่งดื่มสุราและเบียร์ โดยทิ้งเงินไว้ในรถซึ่งจอดอยู่ห่างจากจำเลยประมาณ 5 – 6 วา แสดงว่าจำเลยมิได้ห่วงใยเกี่ยวกับความปลอดภัยของทรัพย์สิน การที่จำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไปจึงถือไม่ได้ว่ามีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1473/2546 แม้ถั่วฝักยาวที่จำเลยปลูกไว้จะเคยถูกคนร้ายลักไป จำเลยสามารถแจ้งความต่อเจ้าพนักงานเพื่อให้สืบสวนหาตัวคนร้ายได้ แต่จำเลยก็หาดำเนินการไม่ จำเลยกลับพาอาวุธปืนจากบ้านซึ่งอยู่ห่างจากแปลงนาที่ปลูกถั่วฝักยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ติดตัวมาเพื่อรดน้ำและเฝ้าถั่วฝักยาว ทั้ง ๆ ที่ขณะนั้นไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น การกระทำของจำเลยจึงมิใช่กรณีมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ จึงมีความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต

Visitors: 171,899