ฟ้องคดีต่อศาลต้องเสียค่าขึ้นศาลหรือไม่ คิดคำนวณอย่างไร
การเสียค่าขึ้นศาลคดีแพ่ง
“ค่าฤชาธรรมเนียม”
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา
มาตรา 149 บัญญัติว่า ค่าฤชาธรรมเนียม ได้แก่ ค่าธรรมเนียมศาล
ค่าสืบพยานหลักฐานนอกศาล ค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พักของพยาน
ผู้เชี่ยวชาญ ล่าม และเจ้าพนักงานศาล ค่าทนายความ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี
ตลอดจนค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ บรรดาที่กฎหมายบังคับให้ชำระ
1. ค่าฤชาธรรมเนียมศาลในคดีแพ่ง
นั้นคือค่าขึ้นศาลได้แก่
คดีมีทุนทรัพย์ คือได้แก่
คดีที่โจทก์เรียกร้องโดยมีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
โดยจำนวนเงินหรือราคาทรัพย์ที่เรียกร้องนั้นถือเป็นทุนทรัพย์ คือคดีที่มีผลเป็นการเรียกทรัพย์มาเป็นของตน
เช่น ฟ้องเรียกเงินกู้ยืม ค่าเช่า ซื้อขาย
-
ค่าขึ้นศาลในคดีที่มีทุนทรัพย์โจทก์ต้องเสียอัตราร้อยละ 2 ของจำนวนทุนทรัพย์
แต่ไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งทุนทรัพย์ 10 ล้านบาท
โดยจำนวนเงินหรือราคาทรัพย์ที่เรียกร้องนั้นถือเป็นทุนทรัพย์
-
สำหรับทุนทรัพย์พิพาทเกิน 50 ล้านบาท ส่วนที่เกินเสียอัตราร้อยละ 0.1
-
สำหรับคดีมโนสาเร่ ทุนทรัพย์พิพาทไม่เกิน 300,000 บาท เสียค่าธรรมเนียมร้อยละ 2
แต่ไม่เกิน 1,000 บาท อยู่เขตอำนาจศาลแขวง
การคำนวณมีวิธีการง่ายๆ
คือ ให้นำทุนทรัพย์ตั้งแล้ว หารด้วย 50
เช่น ทุนทรัพย์ = 1,000,000
บาท
วิธีคิด ฟ้อง 1,000,000
บาท หารด้วย 50 หรือ
ฟ้อง
1,000,000
บาท คูณ 2 หาร 100
คิดเป็นค่าขึ้นศาล = 20,000
บาท
ส่วนคดี
ทุนทรัพย์ ไม่เกิน 300,000 บาท จะเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมโนสาเร่คดีละไม่เกิน
1,000 บาท
2. คดีไม่มีทุนทรัพย์ คือ
คดีที่ฝ่ายโจทก์ฟ้องต่อศาลขอให้ศาลมีคำสั่งระงับความเดือดร้อน ความรำคาญ
หรือความเสียหายที่ไม่อาจคำนวณเป็นจำนวนเงินได้ เพื่อประโยชน์ของตัวโจทก์เอง
โดยไม่มีการเรียกร้องเป็นจำนวนเงิน หรือทรัพย์สินอื่นใด(คดีที่บุคคลเรียกร้อง)
ตามกฎหมายไว้ ซึ่งหากไม่มีคำสั่งศาลบุคคลนั้นไม่อาจใช้สิทธินั้นได้
แต่ผลของคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลนั้น
ไม่ทำให้บุคคลนั้นได้มาซึ่งทรัพย์สินใดเพิ่มขึ้น หรือ
เป็นกรณีขอในสิ่งที่ไม่อาจคำนวณเป็นจำนวนเงินได้ เช่น
การฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนนิติบุคคล , การฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินโดยมิชอบและขอให้ที่ดินนั้นกลับมาเป็นของเจ้าของที่ดินตามเดิม,การร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญ,การร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งผู้อนุบาล
ฯลฯโดยมีค่าขึ้นศาลในคดีไม่มีทุนทรัพย์ โจทก์หรือผู้ร้องต้องเสียเรื่องละ 200 บาท
ตัวอย่างฎีกา
เลขที่ฎีกา 567/2510
ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมให้ครบ
โจทก์ไม่ได้เสียภายในกำหนดเวลา
ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีโดยถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องโจทก์ยื่นคำร้องขอเสียค่าธรรมเนียม
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง โจทก์จึงอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งที่ให้ยกคำร้องนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีแล้ว คดีของโจทก์ไม่มีอยู่ในศาล
อันศาลจะพึงดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆต่อไปอีก โจทก์จึงขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์วางเงินค่าธรรมเนียมศาลและขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปไม่ได้ จะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23
มาใช้บังคับดังโจทก์ฎีกาไม่ได้
เพราะมาตรานี้เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการขยายหรือย่นระยะเวลาในคดี
ที่จะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาอยู่ในศาล
ส่วนการฟ้องคดีอาญานั้น ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลนอกจาก
จะมีคำขอให้จำเลยชำระเงินทางแพ่ง เรียกว่าคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องอาญา จะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์