ข้อต่อสู้ในการยื่นคำให้การสู้คดีเช่าซื้อรถกรณีไฟแนนซ์ฟ้องค่าขาดราคาส่วนต่างจากการขายทอดตลาด มีอะไรบ้าง
ข้อต่อสู้ในการยื่นคำให้การสู้คดีเช่าซื้อต่อศาล
กรณีไฟแนนซ์ฟ้องค่าขาดราคาส่วนต่างจากการขายทอดตลาด
๑.ประเด็นผู้ให้เช่าซื้อหรือไฟแนนซ์ไม่ปฎิบัติตาม
ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา
เรื่องให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์เป็นธุรกิจควบคุมสัญญา
(๕) เมื่อสัญญาเช่าซื้อสิ้นสุดลงไม่ว่ากรณีใด ๆ
และผู้ให้เช่าซื้อได้กลับเข้าครอบครองรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ที่ให้เช่าซื้อ
ทั้งนี้ก่อนนํารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ออกขายโดยวิธีประมูลหรือ วิธีขายทอดตลาดที่เหมาะสม
ผู้ให้เช่าซื้อมีหน้าที่ดําเนินการตามลําดับ ดังต่อไปนี้
ก.
ผู้ให้เช่าซื้อต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้เช่าซื้อทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
เพื่อให้ผู้เช่าซื้อ ใช้สิทธิซื้อก่อนได้ตามมูลหนี้ส่วนที่ขาดอยู่ตามสัญญาเช่าซื้อ
โดยผู้ให้เช่าซื้อจะต้องให้ส่วนลดแก่ผู้เช่าซื้อ ตามอัตราและการคิดคํานวณตาม (๑๐)
แต่ถ้าผู้เช่าซื้อไม่ใช้สิทธิดังกล่าวภายในระยะเวลานั้น ให้ผู้ให้เช่าซื้อ มีหนังสือแจ้งผู้ค้ําประกันทราบเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าวันนับแต่วันที่สิ้นระยะเวลาการใช้สิทธิของ
ผู้เช่าซื้อเพื่อให้ผู้ค้ําประกันใช้สิทธินั้น โดยให้ผู้ค้ําประกันได้รับสิทธิเช่นเดียวกับผู้เช่าซื้อ
กรณีผู้ให้เช่าซื้อไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง
ผู้ให้เช่าซื้อต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุ ของการไม่ได้แจ้งแก่ผู้เช่าซื้อหรือผู้ค้ําประกัน
แล้วแต่กรณี
ข. ผู้ให้เช่าซื้อต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้เช่าซื้อและผู้ค้ําประกัน
(ถ้ามี) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า เจ็ดวันก่อนวันประมูลหรือวันขายทอดตลาด ทั้งนี้
ในหนังสือแจ้งนั้นอย่างน้อยต้องระบุชื่อผู้ทําการขาย วันและสถานที่ที่ทําการขายในแต่ละครั้งไว้ในหนังสือฉบับเดียวกันก็ได้
กรณีที่ผู้ให้เช่าซื้อนํารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ออกขายตามวรรคหนึ่ง
หากได้ราคาเกินกว่า มูลหนี้ส่วนที่ขาดอยู่ตามสัญญาเช่าซื้อ
ผู้ให้เช่าซื้อต้องคืนเงินส่วนที่เกินนั้นให้แก่ผู้เช่าซื้อ แต่ถ้าได้ ราคาน้อยกว่ามูลหนี้ส่วนที่ขาดอยู่ตามสัญญาเช่าซื้อ
ผู้เช่าซื้อต้องรับผิดส่วนที่ขาดนั้น
ค. ผู้ให้เช่าซื้อต้องมีหนังสือแจ้งชื่อผู้ทําการขาย วัน
สถานที่ที่ทําการขาย ราคาที่ขายได้ และรายละเอียดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขาย
ทั้งนี้ เพียงเท่าที่ได้ใช้จ่ายไปจริง โดยประหยัด ตามความจําเป็น และมีเหตุผลอันสมควร
รวมทั้งจํานวนเงินส่วนเกินที่คืนให้แก่ผู้เช่าซื้อ หรือจํานวนเงินที่ผู้เช่าซื้อต้องรับผิด
ในมูลหนี้ส่วนที่ขาดอยู่ตามสัญญาเช่าซื้อ
ให้ผู้เช่าซื้อทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ทําการขาย ทั้งนี้ ผู้เช่าซื้อจะไม่ได้รับส่วนลดตามอัตราและการคิดคํานวณตาม
(๑๐) มูลหนี้ส่วนที่ขาดอยู่ตามสัญญาเช่าซื้อตาม ก. และ ข.
ให้คํานวณจากเงินค่างวดที่ค้างชําระ และเงินค่างวดที่ยังไม่ถึงกําหนดชําระที่ผู้เช่าซื้อมีหน้าที่ต้องชําระให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อตามสัญญาเช่าซื้อ
และให้หมายความรวมถึงเบี้ยปรับหรือค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ
ในการทวงถามหนี้ค่าเช่าซื้อ ทั้งนี้ เพียงเท่าที่ผู้ให้เช่าซื้อได้ใช้จ่ายไปจริง
โดยประหยัด ตามความจําเป็น และมีเหตุผลอันสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 31/2560 "การเรียกค่าขายรถที่เช่าซื้อไปแล้วขาดทุนนั้นคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสองต้องร่วมรับผิดในค่าขาดราคาหรือไม่
เพียงใด โดยศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงยุติว่า 1 โจทก์ไม่ได้แจ้งการประมูลรถยนต์ที่เช่าซื้อให้จำเลยทั้งสองทราบ
และ
2 โจทก์ไม่ได้นำพยานมาสืบให้ได้ความว่า
การขายทอดตลาดรถยนต์ที่เช่าซื้อมีความเหมาะสมถูกต้องตามหลักเกณฑ์การขายทอดตลาดโดยทั่วไปหรือไม่
จึงรับฟังไม่ได้ว่า
การขายทอดตลาดโดยการประมูลราคาดังกล่าวของโจทก์เป็นการกระทำที่เหมาะสม
ซึ่งโจทก์จะพึงมีสิทธิเรียกค่าขาดราคาจากสัญญาเช่าซื้อได้อีก
โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายดังกล่าวจากจำเลยทั้งสองนั้น เห็นว่า
ตามสัญญาเช่าซื้อ เอกสารหมาย จ.5 ข้อ 12 วรรคท้าย ระบุว่า "ในกรณีธนาคารบอกเลิกสัญญาและกลับเข้าครอบครองรถ
ธนาคารจะแจ้งล่วงหน้าให้ผู้เช่าซื้อทราบเป็นหนังสือไม่น้อยกว่า 7 วัน
เพื่อให้ผู้เช่าซื้อใช้สิทธิซื้อได้ตามมูลหนี้ส่วนที่ขาดอยู่ตามสัญญาเช่าซื้อ"
ส่วนข้อ 14 ระบุว่า "กรณีที่ธนาคารได้รถกลับคืนมา
ธนาคารตกลงว่าหากนำรถออกขายได้ราคาเกินกว่าจำนวนหนี้คงค้างชำระตามสัญญานี้
ธนาคารจะคืนเงินส่วนเกินนั้นให้แก่ผู้เช่าซื้อ
แต่หากได้ราคาน้อยกว่าจำนวนหนี้คงค้างชำระตามสัญญานี้
ผู้เช่าซื้อตกลงรับผิดส่วนที่ขาดเฉพาะในกรณีที่ธนาคารได้ขายโดยวิธีประมูลหรือขายทอดตลาดที่เหมาะสมเท่านั้น"
และสัญญาค้ำประกัน เอกสารหมาย จ.6 ข้อ 2 ระบุว่า
"หากผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามกำหนดไว้ไม่ว่าด้วยเหตุใด
หรือผิดสัญญาเช่าซื้อไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วนจนเป็นเหตุให้ธนาคารได้รับความเสียหาย
หรือรถยนต์ที่เช่าซื้อเกิดความเสียหายไม่ว่าด้วยเหตุใด แม้โดยอุบัติเหตุ
เหตุสุดวิสัย หรือภัยพิบัติเหตุใดที่ไม่อาจป้องกันได้
ผู้ค้ำประกันยินยอมที่จะชำระหนี้ของผู้เช่าซื้อตามสัญญาเช่าซื้อให้แก่ธนาคารทันทีจนครบถ้วน
ความรับผิดชอบของผู้ค้ำประกันตามสัญญานี้เป็นความรับผิดต่อธนาคารร่วมกันกับผู้เช่าซื้อและในฐานะลูกหนี้ร่วมด้วย
ทั้งนี้
โดยไม่คำนึงถึงว่าธนาคารได้ทวงถามหรือบอกกล่าวผู้ค้ำประกันแล้วหรือไม่ก็ตาม"
ดังนั้น ก่อนนำรถยนต์ที่เช่าซื้อออกขายทอดตลาด
โจทก์จึงมีหน้าที่จะต้องแจ้งล่วงหน้าให้จำเลยที่ 1 ทราบเป็นหนังสือไม่น้อยกว่า
7 วัน เพื่อให้จำเลยที่ 1 ได้ใช้สิทธิซื้อรถยนต์กลับคืนตามมูลหนี้ส่วนที่ขาดอยู่ตามสัญญาเช่าซื้อ
เมื่อทางนำสืบของโจทก์ไม่ได้ความโดยชัดแจ้งว่า โจทก์ได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยที่ 1
ใช้สิทธิซื้อรถกลับคืนดังกล่าว
ประกอบกับโจทก์มิได้นำพยานหลักฐานมาสืบให้ได้ความว่า การขายทอดตลาดรถยนต์ที่เช่าซื้อมีความเหมาะสมถูกต้องตามหลักเกณฑ์การขายทอดตลาดโดยทั่วไป
คดีจึงยังฟังไม่ได้ว่า
โจทก์ขายรถยนต์ที่เช่าซื้อโดยเหมาะสมตามที่กำหนดไว้ในสัญญาเช่าซื้อ ข้อ 14.
โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกราคารถยนต์ส่วนที่ขาดอยู่
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์ ภาค 4 แผนกคดีผู้บริโภคเห็นพ้องด้วย
อุทธรณ์ข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน"
2.ส่งมอบทรัพย์ที่เช่าซื้อคืน
ก่อนผิดนัด
"ผู้เช่าซื้อส่งมอบรถคืนผู้ให้เช่าซื้อก่อนผิดนัดชำระหนี้
สัญญาเช่าจึงเป็นอันเลิกกัน เมื่อผู้ให้เช่าซื้อนำรถไปขายทอดตลาดได้ราคาน้อยกว่าราคาตามสัญญาเช่าซื้อ
ผู้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดในค่าขาดราคา หรือค่าส่วนต่างจาการขายทอดตลาด กรณีนี้หากยังมีการฟ้องเรียกค่าเสียหายมาอยู่อีก็ต้องยื่นคำให้การต่อสู้คดีเพื่อให้ศาลพิพากษายกฟ้อง
อ้างอิง คำพิพากษาศาลฎีกาที่
5239/2561
ภายหลังจากจำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์
จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์ 2 งวด โดยยังไม่ผิดนัด จำเลยที่ 1 นำรถยนต์ที่เช่าซื้อไปส่งมอบคืนให้แก่โจทก์อันเป็นเวลาก่อนถึงกำหนดชำระค่าเช่าซื้องวดที่
3 หนึ่งวัน
แสดงว่าในขณะส่งคืนทรัพย์สินที่ให้เช่าซื้อจำเลยที่ 1 ยังหาได้ตกเป็นผู้ผิดนัดไม่ กรณีไม่ใช่เรื่องที่จำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อแล้วนำรถคันที่เช่าซื้อไปส่งมอบคืนให้แก่โจทก์
แต่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ใช้สิทธิเลิกสัญญาเช่าซื้อในขณะที่ตนเองยังมิได้ตกเป็นผู้ผิดนัด
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 573 ซึ่งบัญญัติว่า
ผู้เช่าซื้อจะบอกเลิกสัญญาในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ด้วยการส่งมอบทรัพย์สินกลับคืนให้แก่เจ้าของโดยเสียค่าใช้จ่ายของตนเอง
อันเป็นบทบัญญัติให้สิทธิผู้เช่าซื้อเลิกสัญญาได้และส่งผลให้สัญญาเช่าซื้อเป็นอันเลิกกัน
เมื่อสัญญาเช่าซื้อเลิกกันโดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ประพฤติผิดสัญญา
แม้ในสัญญาเช่าซื้อจะมีข้อความว่า กรณีที่เจ้าของได้รถกลับคืนมาไม่ว่าจะด้วยเหตุที่เจ้าของเป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญาหรือผู้เช่าซื้อเป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญาโดยการส่งมอบพื้นที่เช่าซื้อคืนแก่เจ้าของ
เจ้าของนำรถออกขายได้ราคาน้อยกว่ามูลหนี้ส่วนที่ขาดทุนตามสัญญา
ผู้เช่าซื้อตกลงรับผิดส่วนที่ขาดก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาและไม่ปรากฏว่าขณะที่สัญญาเลิกกันจำเลยที่
1 มีหนี้ต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ เพียงใด
โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดราคาจากจำเลยที่ 1 ได้
เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าขาดราคาให้แก่โจทก์
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ผู้ค้ำประกันย่อมไม่ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ด้วย
3.ยื่นคำให้การต่อสู้เรื่องอายุความคดีเช่าซื้อรถ กรณีไฟแนนซ์ฟ้องค่าขาดราคาส่วนต่างจากการขายทอดตลาดซึ่งมีอายุความ
๑๐ ปี
4.การยื่นคำให้การต่อสู้ว่าค่าเสียหายที่เรียกร้องเป็นเบี้ยปรับสูงเกินส่วนซึ่งหากศาลเห็นว่าสูงเกินส่วนก็มีอำนาจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ตาม
ปพพ. มาตรา 379 และมาตรา 383 วรรคหนึ่ง
5.อื่น ๆ แล้วแต่ข้อเท็จจริงในคดีนั้น ๆ
กอบเกียรติ เอี่ยมสงวน นบ.นบท.ทนายความ